ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดี ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากค่ายมวยเล็กๆหลังบ้าน ก่อนที่จะรีแมตช์กับ เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์

ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดี สำหรับ  เติบโตมาในครอบครัวมวยไทยขนานแท้ เนื่องจากคุณพ่อ “ร.ต.ต.นิพนธ์ สิทธิกุล” เป็นนักมวยเก่า ได้ก่อตั้งค่ายมวยเล็กๆขึ้นมาในชื่อ “ค่ายมวยสิทธิกุล” ซึ่งเริ่มจากการปลุกปั้นลูกชายทั้ง 3 คน โดยพี่ชายคนโตมีฉายาว่า “เดชเทวดา” และน้องชายคนเล็ก “คัมภีร์เทวดา”เมื่อเข้าสู่เมืองกรุง ฤทธิ์เทวดา แจ้งเกิดอย่างเปรี้ยงปร้างตั้งแต่ไฟต์เปิดตัวบนเวทีมวยหลากสีด้วยการชนะมวยรุ่นพี่อย่าง “รุ่งเกียรติ ซากามิ” ในวัยเพียง 17 ปี ในปีเดียวกัน เขาก็สามารถคว้าแชมป์มวยไทยช่องเจ็ดสี รุ่น 140 ปอนด์ รวมทั้งรางวัลคู่มวยดุเดือดแห่งปีช่อง 7 สี ปี 2557 และกลายเป็นขวัญใจคอหมัดมวยจอตู้ตั้งแต่นั้นมา
จากนั้น ฤทธิ์เทวดา ก็เดินหน้ากวาดเข็มขัดแชมป์จากหลายเวที ได้แก่ แชมป์สภามวยไทยโลก (WMC) รุ่น 140 ปอนด์ และแชมป์เวทีลุมพินี รุ่น 140 ปอนด์ จนมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะมวยยอดฝีมือที่หาตัวจับยากคนหนึ่งของไทย

ขณะที่ ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดี เริ่มหัดมวยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก่อนจะสั่งสมประสบกาณ์บนสังเวียนจนเป็นที่รู้จัก  กวาดแชมป์มาแล้วทั่วภาคอีสาน

กระทั่งมีผู้สนับสนุนเข้ามาช่วยโอบอุ้ม ทำให้เปลี่ยนชื่อเป็น  ส.นิภาพร” ในเวลาต่อมาจากนั้นด้วยไอคิวและชั้นเชิงที่เก่งเกินอายุ ทำให้นักชกจากสุรินทร์รายนี้ ถูกดึงเข้ามาสร้างชื่อในเมืองกรุง ก่อนจะคว้าแชมป์จากหลายเวที ไม่ว่าจะเป็นแชมป์มวยไทยช่องเจ็ดสี รุ่น 140 ปอนด์ แชมป์สภามวยไทยโลก (WMC) รุ่น 140 และแชมป์เวทีลุมพินี รุ่น 140 ปอนด์ถึงแม้จะไต่เต้าจนได้ชื่อว่าเป็นนักมวยเงินแสน แต่  กลับเลือกแสวงหาความท้าทายใหม่ ด้วยการเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ชกมวยสากลที่ค่อนข้างน้อย บวกกับโปรแกรมที่มีไม่มากนัก ทำให้เขาเลือกที่ปิดฉากการรับใช้ชาติ ภายในเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นหลังหวนคืนสู่สังเวียนมวยไทยอีกครั้ง ฤทธิ์เทวดา ก็ถูกคว้าตัวเข้ามาอยู่ในสังกัด “เพชรยินดีอะคาเดมี” จนได้รับโอกาสโชว์ฝีมือบนเวทีระดับโลกอย่าง ONE และสามารถประเดิมไฟต์แรกด้วยชัยชนะแบบไม่ครบยกเหนือ เสมาเพชร เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2564และล่าสุด นักชกวัย 26 ปีก็มีคิวเตรียมทำศึกล้างตากับคู่ปรับเก่าอีกครั้ง เพื่อให้ “ซ้ายฟ้าผ่า” เสมาเพชร ได้สางแค้นให้หายคาใจ รวมถึงยังเป็นการเดิมพันตำแหน่งผู้ท้าเบอร์ 1 ของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ซึ่งผู้ชนะอาจได้สิทธิ์ขึ้นชิงแชมป์โลกกับ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ในไฟต์ต่อไปด้วยเช่นกันภายหลัง ฤทธิ์เทวดา มีผู้เข้ามาสนับสนุนโดยเปลี่ยนชื่อเป็น “ฤทธิ์เทวดา ส.นิภาพร” เขาสั่งสมชื่อเสียงและกระดูกมวยด้วยการเดินสายชกไปทั่วภาคอีสานจนแทบจะหาคู่เปรียบมวยไม่ได้ โดยสามารถกวาดเข็มขัดแชมป์มวยสยามภาคอีสานมาครองถึง 5 รุ่น และแชมป์มวยภาคอีสานอีก 2 รุ่น
ด้วยฝีมืออันโดดเด่นที่มีทั้งอาวุธครบเครื่องและไอคิวมวยเป็นเลิศ ทำให้ ฤทธิ์เทวดา เป็นที่ต้องการตัวจากโปรโมเตอร์ชื่อดัง จนในที่สุดเขาก็มีโอกาสเข้ามาโชว์ฝีมือในเมืองกรุงซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตก

MUAYTAI888 ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ มวยไทย 888 หรือแอดไลน์มาที่ @muaythai888